ทำไม “กัลวาไนซ์” ทาสียาก?
ผิวชุบสังกะสี (HDG/EG) มักมี ฟิล์มพาสซิเวชัน คราบน้ำมัน และออกไซด์สังกะสี ที่ทำให้ เนื้อสีแยกจากผิว จึงลอกง่ายหากไม่เตรียมพื้นผิวและไม่ใช้ระบบสีที่ถูกต้อง
วิธีที่ 1: รองพื้นก่อน แล้วทาสีกันสนิม/ทับหน้า (ระบบไพรเมอร์ + ทับหน้า)
เหมาะกับ: งานเอาต์ดอร์/ริมทะเล/ล้างบ่อย/เครื่องจักรที่ต้องการความทนทานสูง
ขั้นตอนมาตรฐาน
- ทำความสะอาด/ล้างไขมัน (Degrease – SP1): น้ำยาทำความสะอาด pH กลาง/ดีทาร์เจนต์ → ล้างน้ำสะอาด → ทำให้แห้ง
- เปิดผิวให้สีเกาะ (อย่างใดอย่างหนึ่ง):
- blasting เบามือ ด้วยเม็ดขัดไม่เป็นสนิม (garnet #60–120) เพื่อ “ขัดผิว”
- หรือ สารมอร์แดนต์/T-wash (กลุ่มกรดฟอสฟอริก) → ล้าง → ทำให้แห้ง
- ทาไพรเมอร์สำหรับกัลวาไนซ์:
- นิยม: Epoxy Zinc-Rich หรือ Etch/Wash Primer
- ชั้นกลาง (ถ้ามี): High-build Epoxy / Epoxy MIO เพิ่มความหนา/ทนสารเคมี
- ทับหน้า: โพลียูรีเทน (Polyurethane) / (Acrylic PU) (ทน UV สีสวยทนนาน)
- เงื่อนไขตอนทา: พื้นผิวอุ่นกว่า dew point ≥ 3°C, RH ≤ 85%, ตาม TDS ผู้ผลิตสี
ข้อดี
- ทนทานสูงสุด อายุงานยาว เหมาะสภาพโหด (ฝน/ไอเกลือ/ฉีดล้าง)
- ซ่อมเฉพาะจุดได้ตามระบบมาตรฐาน (ทนสารเคมี/แดดดี)
ข้อจำกัด
- ขั้นตอนมากกว่า ใช้เวลามากกว่า ต้องคุมสภาพแวดล้อมและ QC ความหนาสี
วิธีที่ 2: สี 2-in-1 (DTM for Galvanized) ทาได้เลยไม่ต้องรองพื้น
เหมาะกับ: งานรวดเร็ว งบกลาง สภาพแวดล้อมทั่วไป/ในร่ม–กึ่งเอาต์ดอร์
ขั้นตอนย่อ
- ล้างไขมัน–ฝุ่น ให้สะอาด แห้งสนิท
- ขัดผิวเบาๆ ด้วยสก๊อตไบรต์/กระดาษทรายละเอียด เพื่อเพิ่มการยึดเกาะ
- ทาสี 2-in-1 ที่ระบุชัด “ทาบนกัลวาไนซ์ได้โดยไม่ต้องรองพื้น” (อ่าน TDS เรื่องจำนวนชั้น/ระยะทาทับ)
ข้อดี
- เร็ว ขั้นตอนน้อย ลดค่าแรง/เวลาหยุดงาน
- ผิวสวยพอสำหรับงานทั่วไปและในร่ม
ข้อจำกัด
- ความทนทานสู้ระบบไพรเมอร์เต็มขั้นไม่ได้ในสภาพโหด (ริมทะเล/ล้างถี่/สารเคมี)
ถ้า “ไม่ทำสองวิธีนี้” จะเกิดอะไรขึ้น?
- สีแยกตัวจากผิว เพราะฟิล์มพาสซิเวชัน/คราบไข/ออกไซด์สังกะสี
- ลอกเป็นแผ่นหลังฝน/ความชื้น โดยเฉพาะบริเวณรอยตัด เจาะ เชื่อม
- ซ่อมยุ่งยากกว่า เพราะต้องขัดลอกจนถึงผิวดี แล้วเริ่มระบบใหม่
แล้วควรเลือกวิธีไหนดี?
- ลมชื้น/ริมทะเล/ฉีดล้างบ่อย/เครื่องจักรหนัก → วิธีที่ 1 (ไพรเมอร์ + ชั้นกลาง + ทับหน้า)
ระบบหลายชั้นให้การยึดเกาะและกันสนิมสูงสุด ทน UV/ไอเกลือ/แรงล้าง เชิงอุตสาหกรรมได้ยาวๆค่าบำรุงรักษาระยะยาวต่ำกว่า ไม่ต้องทาซ้ำบ่อย เหมาะกับงานที่หยุดเครื่องไม่ได้ - งานไว/ในร่ม–กึ่งเอาต์ดอร์/งบกลาง → วิธีที่ 2 (สี 2-in-1)
ขั้นตอนน้อย ทำงานเร็ว ลดค่าแรง/เวลาหยุดหน้างาน ได้ผิวสวยเพียงพอสำหรับสภาพทั่วไปเหมาะกับงานรีโนเวทหรือพื้นที่เข้าถึงยาก ที่ต้องการความคุ้มค่าและความเรียบง่ายในการทำงาน
เช็กลิสต์เตรียมผิว (ใช้ได้ทั้ง 2 วิธี)
- ล้างไขมัน–ฝุ่นให้สะอาด (ห้ามทา “ทับคราบ”)
- เปิดผิวด้วย T-wash หรือขัด/สวีปบลาสท์เบามือ (ห้ามกัดผิวสังกะสีแรงเกิน)
- ตรวจ dew point/RH/อุณหภูมิ ตามสเปคสีทุกครั้ง
- ตะแกรงที่ชุบกัลวาไนซ์ ที่ “เชื่อม/สาน/ถัก” ใหม่ ให้พ่น Zinc-Rich (Cold-Galv) ปิดเนื้อเหล็กก่อนเข้าสีระบบ
- เวลาทาทับ (recoat window) ต้องตาม TDS(Technical Data Sheet) ของผู้ผลิต ห้ามช้าไป/เร็วเกินไป
ตารางเปรียบเทียบย่อ
| หัวข้อ | วิธีที่ 1: ไพรเมอร์ + ทับหน้า | วิธีที่ 2: สี 2-in-1 DTM |
|---|---|---|
| ความทนทาน (กลางแจ้ง/ริมทะเล) | ⭐⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐ |
| จำนวนขั้นตอน/เวลา | มากกว่า | น้อยกว่า |
| ทักษะ/เครื่องมือ | สูง (ควบคุมสภาพ+QC) | กลาง |
| งบประมาณเริ่มต้น | สูงกว่า | กลาง |
| งานเหมาะสม | โรงงาน/ริมทะเล/ฉีดล้างถี่/เครื่องจักร | ในร่ม–กึ่งเอาต์ดอร์/งานรีโนเวทเร็ว |
ปัญหาที่พบบ่อย & วิธีแก้
- ลอกเป็นแผ่นไม่นานหลังทา: ผิวไม่ได้เปิด/ยังมีพาสซิเวชัน → ขัด/สวีป/ใช้ T-wash แล้วเริ่มระบบใหม่
- ฟิล์มสีเป็นฝ้า/ด้าน: ทาช่วง RH สูงหรือผิวต่ำกว่า dew point → รื้อเฉพาะจุด/ทาซ้ำเมื่อสภาพอากาศเหมาะ
- พอง/ย่น: ทาทับเร็วเกิน recoat window หรือชั้นหนาเกิน → ขูดออกถึงชั้นดี ทาซ้ำตาม TDS(Technical Data Sheet)
สรุป
ถ้าอยากให้สี “ติดแน่น–ทนนาน” บนกัลวาไนซ์ มีสองทางเลือกชัดเจน:
- ระบบรองพื้นไพรเมอร์ + ทับหน้า (ทนสุด เหมาะสภาพแวดล้อมโหด)
- สี 2-in-1 DTM (เร็ว ขั้นตอนน้อย เหมาะงานทั่วไป)
แต่ไม่ว่าเลือกแบบไหน ต้องล้างไขมัน–เปิดผิว–คุมสภาพอากาศ ทุกครั้ง มิฉะนั้นสีจะ แยกตัวจากผิวและหลุดร่อนง่าย ครับ
หากสนใจลวดตะแกรงเหล็ก บริษัท กรุงเทพ ไวร์เวิร์ค จำกัด ยินดีให้บริการ เรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องลวดและรั้วตาข่ายมายาวนานกว่า40ปี ไม่ว่าจะเป็น ตะแกรงอาร์ค ตะแกรงสาน ตาข่ายถัก หรือตาข่ายสำเร็จรูป ก็สามารถทักเข้ามาติดต่อสอบถามได้ครับ
ติดต่อสอบถาม
Line Official : @Bkkww (https://lin.ee/gINI4hk)
Facebook : Facebook
เบอร์ติดต่อ : 02-219-4777,090-992-3131(คุณเค้ก)
บริษัท กรุงเทพ ไวร์เวิร์ค จำกัด
